ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การศึกษาในประเทศไทยเริ่มได้รับความสนใจจากนักศึกษาต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษาจากประเทศจีน ซึ่งนอกจากจะมองหาประสบการณ์การเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ แล้ว ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษา ค่าครองชีพ และโอกาสในการพัฒนาอาชีพในอนาคต โดยหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากนักศึกษาจีน คือ มหาวิทยาลัยนครพนม ซึ่งแม้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ แต่กลับสามารถดึงดูดนักศึกษาต่างชาติได้อย่างน่าจับตามอง

จากข้อมูลของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปุณณฑรีย์ เจียวิริยบุญญา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและวิเทศสัมพันธ์ ระบุว่า นักศึกษาจีนเลือกมหาวิทยาลัยนครพนมจากหลายเหตุผลสำคัญ ทั้งในด้านค่าเล่าเรียนที่ไม่สูง ความหลากหลายของหลักสูตร และบรรยากาศเมืองเล็กที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของนักศึกษาจีนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30,000 หยวนต่อปี หรือ ราว 150,000 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพการศึกษาและบริการที่ได้รับจากทางมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่มีค่าครองชีพสูงกว่าอย่างมาก นอกจากนี้ การที่มหาวิทยาลัยนครพนมมีสาขาวิชาที่ตรงกับความต้องการของนักศึกษา เช่น สาขาวิชาหลักสูตรและการสอนของคณะครุศาสตร์ ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมสูงสุด ยังช่วยส่งเสริมให้นักศึกษาเลือกเรียนที่นี่โดยเฉพาะผู้ที่มีเป้าหมายในสายวิชาชีพด้านการศึกษา

ปัจจัยอีกประการที่มีบทบาทสำคัญ คือ การมีตัวแทน หรือ เอเจนซี่ (Agency) จากประเทศจีน ที่เข้ามาสอบถามข้อมูลและประชาสัมพันธ์หลักสูตรของมหาวิทยาลัยกลับไปยังนักศึกษาในประเทศจีน โดยทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ชัดเจนในการรับนักศึกษาเข้าศึกษา ซึ่งรวมถึงการประเมินคุณสมบัติและให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการ

รองศาสตราจารย์ นิราศ จันทรจิตร อาจารย์ประจำสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้ทำงานร่วมกับเอเจนซี่จากจีนมาหลายรุ่น และปัจจุบันรับนักศึกษาจีนในระดับปริญญาโทและเอกในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน โดยแต่ละรุ่นมีนักศึกษาจีนประมาณ 40 คน (ปัจจุบันรุ่นที่ 3) แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องและความไว้วางใจในระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย

การตัดสินใจของนักศึกษาจีนในการเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยนครพนมไม่ได้มาจากข้อมูลเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจากประสบการณ์ตรงที่ประทับใจของนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ เช่นเดียวกับ Zhaoxu (จ้าวซู) นักศึกษาปริญญาเอก เปิดเผยว่า สาเหตุที่เลือกมหาวิทยาลัยนี้เพราะตนเองเป็นอาจารย์อยู่แล้ว และต้องการศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ซึ่งหลักสูตร “หลักสูตรและการสอน” ของมหาวิทยาลัยนครพนม ตอบโจทย์ทั้งเนื้อหาและวิธีการเรียนการสอน เขายังกล่าวด้วยว่า บรรยากาศของเมืองนครพนมเรียบง่ายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่ในจีนหรือในกรุงเทพฯ ทำให้สามารถมีสมาธิในการเรียนและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยเน้นว่านี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขามั่นใจว่าเลือกถูกที่แล้ว

เช่นเดียวกับ Xiang Xingxing (เซียง ซิงซิง) นักศึกษาระดับปริญญาเอกอีกคนหนึ่ง ที่เผยว่า ตนเองได้รับการดูแลจากอาจารย์ที่นี่เป็นอย่างดี ทั้งด้านการสอน ความอดทน และการให้คำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง ซึ่งต่างจากประสบการณ์ในระบบการศึกษาของจีนที่อาจเคร่งครัดและเคร่งเครียดกว่า

“อาจารย์ที่นี่สอนแบบสบาย ๆ ไม่กดดัน ทำให้อยากเรียนและกล้าถาม นอกจากนี้ยังมีผลไม้หลากหลายชนิดให้กินตลอดปี” 

Xiang Xingxing กล่าวพร้อมรอยยิ้ม โดยระบุว่าแม้อากาศของนครพนมจะร้อนกว่าทางภาคเหนือของจีนที่เธอเติบโตมา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตเลย และยิ่งในฤดูหนาวของนครพนมเธอยังสามารถแต่งตัวสวย ๆ ไปเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติได้อย่างสบาย

ทั้ง Zhaoxu และ Xiang Xingxing ต่างวางแผนที่จะเดินหน้าบนเส้นทางสายวิชาการในอนาคต โดยตั้งใจจะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากประเทศไทยไปพัฒนาในแวดวงการศึกษาในจีน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ นักวิจัย หรือแม้แต่การทำงานด้านธุรกิจการศึกษาในระดับนานาชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเรียนที่มหาวิทยาลัยนครพนมไม่เพียงเป็นการเรียนรู้ในเชิงวิชาการ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์สู่โลกกว้าง

นักศึกษาจีนหลายคนที่มาเรียนที่ไทยไม่ได้เพียงแต่เรียนรู้วิชาการเท่านั้น หากแต่ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างแต่มีจุดร่วมในความเคารพและความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทั้งสองประเทศ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่แปลกแยกและสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปุณณฑรีย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความเป็นมิตรของอาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัย เป็นอีกหนึ่ง “พลังเงียบ” ที่ทำให้เกิดการบอกต่อกันในหมู่นักศึกษาจีนว่า “มหาวิทยาลัยนครพนม” คือสถานที่ที่ให้ทั้งความรู้และความอบอุ่นเหมือนบ้าน

จากกรณีของมหาวิทยาลัยนครพนม เราสามารถมองเห็นภาพรวมของศักยภาพที่มหาวิทยาลัยไทยสามารถพัฒนาและเปิดรับนักศึกษาต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ในด้านของหลักสูตรหรือวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึง การสร้างระบบความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด การดูแลเอาใจใส่ และการเข้าใจบริบทของผู้เรียนจากต่างวัฒนธรรม และความนิยมที่เพิ่มขึ้นของนักศึกษาจีนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของค่าใช้จ่ายที่ถูก หรือหลักสูตรที่ดีเพียงอย่างเดียว หากแต่คือ “ประสบการณ์ของความเป็นมนุษย์” ที่มหาวิทยาลัยไทยสามารถมอบให้กับผู้เรียนได้อย่างน่าประทับใจ

ข่าว/บทความ : พัฒนะ พิมพ์แน่น